ผีหลอก - นิยาย ผีหลอก : Dek-D.com - Writer
×

    ผีหลอก

    เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งผู้ที่อ่านโปรดใช้วิจารณาในการอ่าน ปล.เรื่องนี้อาจจะซ้ำกับของคนอื่นถ้าซ้ำหรือเขียนผิดหรือไม่เข้าใจก็ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

    ผู้เข้าชมรวม

    70

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    70

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  29 ต.ค. 56 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ





    เวลา 4 ทุ่มเศษๆ ณ สถานีขนส่งประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง
    “ รอด้วย... รอด้วยครับ ” เสียงชาหนุ่มคนหนึ่ง ตะโกนตามหลังรถบัส เที่ยวสุดท้ายที่ออกจากสถานีไปแป๊บเดียวก่อนที่เขาจะมาถึง แต่...ก็ไม่ทันซะแล้ว รถบัสวิ่งหายลับไปสุดสายตาเขาแล้ว เขาทรุดตัวลงนั่งที่ริมฟุตบาท พร้อมกับหอบด้วยความเหนื่อย จากการวิ่งตามรถบัส
    “ ไม่ทันเหรอวะ ไอ้ยศ ? ” เพื่อนอีกคนที่วิ่งตามหลังเขามาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เพราะความเหนื่อย
    “ จะไปทันได้ยังไงวะ คนกับรถบัสนะเฟ้ย ” ยศตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระชากเพราะความโกรธ
     เพราะแกมัวแต่โอ้เอ้อยู่นั่นแหละ ไอ้เอก ” ยศต่อว่าเพื่อน
    “ ก็คนมันท้องเสียนี่หว่า ” เอกตอบกลับ
    “ แล้วจะเอายังไงล่ะที่นี้ ? ”  ยศถามกลับ
    “ นอนโรงแรมดิ ”  เอกพูด
     โรงแรมบ้าอะไร พรุ่งนี้มีสอบแต่เช้านะเฟ้ย ถ้านอนโรงแรมกลับไปสอบไม่ทันแน่ ” ยศสวนกลับ   
    เอกสอดส่ายสายตา ไปทั่วสถานีขนส่ง เพื่อหารถรับจ้าง มันกลับหน้าแปลกที่ไม่มีรถซักคัน แม้แต่...
    มอเตอร์ไซค์รับจ้างซักคันก็ไม่มี ร้านรวงก็ปิดกันหมด บรรยากาศสถานีขนส่งในเวลานี้ ช่างดูน่าขนลุกเสียนี่กระไร หมาซักตัวก็ยังไม่มีเลย ผิดกับช่วงกลางวันที่นี่คึกคักมาก ผู้คนมากมาย ร้านค้าขายของกันเสียงเซ็งแซ่ แต่บัดนี้มันกลับกันชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ มันเงียบเสียจนแทบจะได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง
                    “ งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน ” เอกเสนอขึ้น
                    “ ว่าไง ? ” ยศถาม
                    “ เดินกลับกันไหม ? ” เอกเสนออีกครั้ง
                    “ ตั้ง 20 กิโล นะเฟ้ย หอพักพวกเรากับขนส่งน่ะ” ยศตวาดเสียงดัง
                     ก็มีทางนี้ทางเดียวนี่ แล้วค่อยโบกรถเอากลางทางแล้วกัน ”  เอกพูดขึ้นอีกครั้ง
                    “ อืม... ก็ได้วะ  ดีกว่านั่งรออยู่ที่นี่ ”  ยศพูด
     
    จากนั้นทั้ง 2 ก็เริ่มออกเดินจากสถานีขนส่งไปตามข้างทางเรื่อยๆ รถผ่านมาก็ยกมือขึ้นโบกไปตลอดทาง แต่กลบไม่มีรถคันไหนจอดรับพวกเขาเลย เพราะสมัยนี้ไม่ค่อยมีใครอยากรับคนแปลกหน้าขึ้นรถกันหรอก กลัวจะไปจี้ปล้นกันน่ะสิ เศรษฐกิจอย่างนี้ น้ำมันก็แพง ของก็แพง คนเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุใหญ่
                    “ เฮ้ย ..... ไฟรถ... รถผ่านมาอีกคันแล้ว ”  ยศตะโกนด้วยความดีใจ
    เพราะยิ่งดึก รถที่ผ่านไปผ่านมายิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ ยศรีบยกมือขึ้นโบกรถอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่เขาได้รับตอบกลับมา กลับเป็นการขับรถที่เร็วขึ้น จนเกือบจะเฉี่ยวมือเขาให้ขาดกระเด็น ยศชูนิ้วกลางไล่ท้ายรถ
                    “ คนสมัยนี้ เป็นอะไรกันวะ ใจยังกับทะเล    ยศชูนิ้วกลางพร้อมบ่นตาม
                    “ ไม่เป็นไรหรอกน่า ลองคิดกลับกันดิ ถ้าแกขับรถตอนเที่ยงคืนกว่าๆ มีผู้ชาย 2 คน โบกรถแก แล้วแกจะกล้ารับไหม ? ”  เอกพูดขึ้น
                    “ เออ... รู้แล้ว ”  ยศพูดกระชากเสียง 
    ทั้งสอลเดินไปเรื่อยๆ  เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงตี 1  ทั้ง 2 เริ่มอ่อนล้า   แต่แล้ว... ทั้ง 2 ก็ต้องชะงักอีกครั้ง
                    “  เฮ้ย... ยศ ? ”  เอกเอ่ย
                    “ ว่าไง ? ”  ยศถามตอบ
                    “ เอ็งรู้สึกแปลกๆ ไหมวะ ?  ”  เอกถามอีกครั้ง
                     อะไร ? ”  ยศถามด้วยความสงสัย
    “ ฉันรู้สึกว่า มีคนตามหลังพวกเรามา ตั้งนานแล้วนะเนี่ย ”  เอกพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
    ทั้ง 2 ค่อยๆ หันหลังไปดูอย่างช้าๆ  สิ่งที่ทั้ง 2 ได้เห็น เป็นเงาตะคุ่มๆ ไกลออกไปประมาณ 200 เมตร  แต่ด้วยความมืด เนื่องจาก 2 ข้างทางไฟฟ้าดับหมด จึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดว่าที่ตามเขาทั้ง 2 มานั้นเป็นใคร
                    “ โจรหรือเปล่าวะ? ” เอกพูด
                    “ ไม่น่าจะใช่ ” ยศพูด
    เงานั้นค่อยๆ ใกล้ทั้ง 2 เข้ามา รูปร่างที่ปรากฏนั้นค่อยๆ ทำให้ทั้ง 2 รู้ว่าที่ตามมานั้นเป็นผู้หญิง เพราะการแต่งตัวมันบ่งบอก  แต่ด้วยความมืด ทำให้มองเห็นไม่ชัดเท่าที่ควร  เงานั้นค่อยๆ ก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระยะที่สายตาทั้ง 2 สามารถที่จะเห็นได้  แต่สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าของเขาทั้ง 2 คือ
                    “ เฮ้ย ! …  ”  ยศร้องอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
                    “ อ้าก.... หัว.....  หัว...........  ไม่มี   เอกร้องลั่น เสียงหลง
    ผู้หญิงที่ตามมานั้น  “ ไม่มีหัว ”  ทั้งสองร้องลั่นออกมา  หน้าซีด  ตัวสั่น  ด้วยความกลัวสุดขีด  ความกลัวทำให้เหงื่อซึมออกมาจนท่วมกาย  ขนลุกเกลียว ก้าวขาไม่ออก ฉี่แทบราด  มันยากที่จะบรรยายออกมา หากไม่ได้ประสบพบเจอกับตนเอง  ร่างหัวขาดนั้นค่อยๆ เดินทะลุผ่านทั้ง 2 ไป อย่างช้าๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้ง 2 ถึงกลับเข่าอ่อน ทรุดตัวลงกองกับพื้น ในเวลานี้แขนขาของพวกเขาหมดแรง มาสามารถที่จะลุกขึ้นเดินต่อไปได้อีกแล้ว  แต่แล้วก็มีคนขับรถผ่านมา  เอกรวบรวมกำลัง หยิบโทรศัพท์มือถือ ในกระเป๋ากดแล้วยกขึ้นโบกไปมา  และมันก็ได้ผล รถคันนั้นจอด
    รถคันที่จอดนั้น เป็นรถเก๋งเก่ามาก ยี่ห้อโตโยต้า ตกรุ่นไปไม่รู้กี่ปีแล้ว  เสียงเครื่องดังเหมือนจะหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ เสียงดังเหมือนรถอีแต๋นก็ไม่ปาน
                    “ เป็นอะไรไปล่ะ 2 หนุ่ม ? ”  เสียงลุงวัยกลางคนตะโกนถามยศและเอกที่ทรุดอยู่ข้างทาง
    เอกซึ่งได้สติอยู่ก่อนแล้ว ค่อยๆ กัดฟัน พยุงตัวลุกขึ้น พร้อมกับฉุดมือยศเพื่อลุกขึ้น ยศยังคงช็อค ไม่ได้สติ
                    “ ลุงจะไปไหนครับ ? ”  เสียงเอกถามลุงกลับ ด้วยน้ำเสียงที่ยังสั่นเครืออยู่
                    “ อ๋อ.. ข้าจะไปชลบุรีน่ะ  แล้วเอ็งจะไปไหนกันล่ะ?   ลุงตอบพร้อมถามกลับ
                    “ งั้นพวกผมขออาศัยไปลงที่ตัวเมืองชลบุรีได้ไหมครับ ”  เอกถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
                    “ เอาสิ ขึ้นมาเร็ว  พาเพื่อนเอ็งขึ้นมาด้วย ”  ลุงยิ้มแล้วตอบกลับด้วยสีหน้าที่ดีใจ เพราะมีเพื่อนร่วมเดินทาง
    เอกพยุงตัวยศ ซึ่งตัวอ่อนยวบ ตาลอย ยังไม่ได้สติ ไปนั่งที่เบาะหลัง
                    “ มานั่งข้างหน้าเป็นเพื่อนลุงหน่อยสิ พ่อหนุ่ม ”  ลุงออกปากชวนเอก
                    “ ได้ครับ  ดีเหมือนกัน จะได้มีเพื่อนคุย ” เอกพูดขึ้น พร้อมกับปิดประตูหลัง
    เอกเดินไปเปิดประตูหน้า หย่อนตัวลงนั่งที่เบาะหน้าด้วยความผ่อนคลาย แล้วปิดประตู  ลุงค่อยๆ ออกรถไปอย่างช้าๆ
                    “ เป็นอะไรกันล่ะ มานั่งทำอะไรกันแถวนี้ ”  ลุงถามขึ้น
                    “ พวกเราตกรถเที่ยวสุดท้ายน่ะครับ ”  เอกตอบ
                    “ อือ...  แย่เลยนะ  แล้วทำไมไม่นอนโรงแรมกันล่ะ   ลุงบอกพลางเสนอแนะ
                    “ พวกเราต้องรีบกลับน่ะครับ เพราะพรุ่งนี้มีสอบแต่เช้า ” เอกตอบกลับ
                    “ อืม...  ก็ดีแล้ว แต่... แถวนี้เขาไม่ค่อยมีใครกล้าเดินผ่านตอนกลางคืนกันหรอกไอ้หนุ่ม   ลุงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
                    “ ขนาดขับรถยังไม่ค่อยมีใครอยากจะขับผ่านกันเลย ”  ลุงพูดต่อ
    เอกได้แต่นั่งตัวสั่น ไม่สนทนาต่อ  มันทำให้เขารู้ว่าภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่ มันเป็นความจริงแน่  ภาพมันย้อนกลับมาหลอนในสมองเขาอีกครั้ง
                    “ เฮ้ยเป็นอะไรวะไอ้หนุ่ม นั่งตัวสั่นเป็นลูกนกเชียว   ลุงถามด้วยความเป็นห่วง
                    “ มันมีอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ ถึงไม่มีคนกล้าผ่านแถวนี้ ? ”  เอกถามกลบเกลื่อน
                    “ เมื่อหลายเดือนก่อน มีคนเจอศพหญิงสาวถูกตัดหัว มาทิ้งข้างทางส่งกลิ่นเหม็นหึ่งเลย ” ลุงตอบ
                    “ ตำรวจยังหาหัวของศพไม่พบเลย ”  ลุงเล่าต่อ
                    “ แต่... ที่มันแย่กว่านั้น  มีชาวบ้านหลายคน และคนที่ขับรถไปมาช่วงกลางคืน เห็นหญิงสาวหัวขาด เดินตามหาหัวของเธอน่ะสิ   ลุงพูดด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก
                    “ พูดไปเอ็งก็คงไม่เชื่อ   ลุงเองก็.......  ”
                    “ ว้าก .........  อ้าก ........  อย่าเข้ามา........ ”  ลุงพูดยังไม่ทันจบ  เสียงของยศที่นั่งอยู่เบาะหลังก็ตะโกนขึ้นมาแทรกการสนทนา ของทั้ง 2
                    “ ตื่นได้แล้วไอ้บ้า ”  เอกดุยศ
    พอดีกับจังหวะที่รถได้เดินทางมาถึง 4 แยกเฉลิมไทย ใจกลางเมืองชลบุรี
                    “ ลุงครับ จอดตรงฟุตบาทข้างไฟแดงแหละครับ   เอกบอกลุง
    ลุงรีบหักพวงมาลัยเข้าเทียบฟุตบาทเพื่อจอดให้ชายหนุ่มทั้ง 2 ลง ถ้าเป็นกลางวันคงโดนชนท้ายยับแน่  หักพวงมาลัยกลางถนน โดยไม่ดูหน้าดูหลังอย่างนี้  ทั้ง 2 เปิดประตู แล้วก้าวลงจากรถอย่างรีบร้อน เพราะเวลาเหลือน้อยเต็มที  ฟ้าเริ่มจะสว่างแล้ว
                    “ ขอบคุณมากครับลุง ”  ทั้ง 2 กล่าวขอบคุณ พร้อมกับยกมือไหว้ลุง
    พวกเขารีบก้าวข้ามถนน เพื่อไปขึ้นรถ 2 แถว ที่จอดรออยู่ เพื่อที่จะกลับหอพักไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วไปสอบ ให้ทันเวลา
     
     
              การสอบวันแรกของทั้ง 2 ผ่านพ้นไปด้วยดี ทั้ง 2 มัวแต่ขะมักเขม้น ในการสอบจนลืมสิ่งที่พวกเขาได้พบมาเมื่อคืน ทั้ง 2 หลับบนรถเมล์ตลอดทาง  กลับบ้านด้วยความเหนื่อยล้า  เมื่อมาถึงหอพัก ทั้ง 2 จึงแยกย้ายกลับห้องของตนเอง  เอกที่มาถึงห้อง รีบถอดเสื้อผ้าชุดนักศึกษาออก เข้าห้องน้ำอาบน้ำอย่างสบายอกสบายใจ  เอกเปิดพัดลมเพดาน มันหมุนช้าๆ เขารู้สึกเหนื่อยมาก เอกเอามือตบหมอน แล้วก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างสบาย  เอกหลับไปซักพัก เขาก็รู้สึกเหมือนมีใครมาเดินอยู่ที่ปลายเท้า  เอกเปิดเปลือกตาขึ้นดู เห็นเงารางๆ ที่ปลายเท้า
                    “ ประตูเราก็ล็อคไว้นี่หว่า ”  เอกรำพึงกับตนเอง 
                    “ เฮ้ย! ….. ”  เอกอุทานขึ้น
    เอกพยายามดันตัวลุกขึ้น แต่มันก็หนักอึ้ง  เหมือนกับมีอะไรมาทับไว้  เอกได้แต่กลอกลูกตาไปมา  แล้วเงาที่ปลายเท้า ก็ค่อยๆ ใกล้เข้ามา  ร่างที่เอกได้เห็น  ตาเขาไม่ฝาดแน่  หญิงหัวขาดคนเดียวกับที่เขาได้เจอ ที่ข้างทางแน่นอน หล่อนก้มลงมาใกล้ซะจนจะติดหน้าของเอก ร่างของผู้หญิงค่อยๆ ขึ้นไปนั่งทับบนร่างของเอก  เอกได้ยินเสียงดังมาจากภายใต้สมองของตนเอง
                    “ ช่วย......ตาม.......หา......หัว........ให้.......ด้วย............. 
    เสียงมันวิ่งซ้ำไปซ้ำมา อยู่ในสมองของเอก  เอกพยามยามรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย กลั้นใจ กำหมัด   ในที่สุด.... เขาก็ขยับได้  เขารีบดันตัวลุกขึ้น  ร่างของเอกเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เหมือนออกไปวิ่งมาซัก 10 กิโลเมตร ประมาณนั้น
    ทางด้านยศ  ที่นอนอยู่ห้องข้างๆ เขาผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าเช่นกัน  ยศหลับลึกไปได้ประมาณ 10 นาที ก็เหมือนมีอะไรมาสะกิดที่แก้มของยศ เขายกมือขึ้นปัดมันให้พ้น โดยที่ไม่ได้ลืมตา  แต่ยิ่งปัด มันก็ยิ่งสะกิดแรงขึ้น ด้วยความรำคาญ เขาจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น  สิ่งที่เขาได้พบก็คือ.........เงาดำทมึน  ของหญิงสาวหัวขาด  ยืนเอามือแตะมาที่แก้มของเขา เขาพยายามตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง แต่ก็ไม่เป็นผล มันไม่มีน้ำเสียงออกจากลำคอ  ทั่วตัวของเขาชาไปหมด ไม่สามารถขยับตัวได้  มันทรมานมาก ยศถึงกับน้ำตาไหลด้วยความกลัว
    “ ไม่.......ต้อง..........กลัว.......   ฉัน.........ไม่..........ทำ.........ร้าย.........เธอ.........หรอก.........  ”
    เสียงดังจากสมองของยศ  ยศเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น  อาการกลัวของเขาค่อยๆ ลดลงไป
     ช่วย..........ตาม..........หา..........หัว..........ให้..........ฉัน..........ด้วย.......... ”  เสียงดังขึ้นจาก
    สมองของเขาอีกครั้ง
                    “ ยศ.....  ไอ้ยศตื่นโว้ย.. ตื่น... ” เสียงเคาะประตูดังลั่นจนประตูแทบพังของเอก ทำให้ยศเริ่มขยับตัวได้  ยศดันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง ถอนหายใจเฮือกใหญ่  แล้วค่อยๆเดินไปเปิดประตู
                    “ เป็นอะไรไปวะเคาะเรียกซะประตูแทบพังเดี๋ยวชาวบ้านเค้าก็ด่าหัวกันพอดี   ยศต่อว่าเพื่อน
                    “ เฮ้ย!....เป็นไรว่ะหน้าซีดเชียว? ” เอกถามยศกลับเพราะเห็นสีหน้าอันซีดเซียวของยศแถมเหงื่อโทรมกายเปียกชุ่มไปหมด
                    “ เฮ้ย!.......กูเจอว่ะ  ยศพูดขึ้น
                    “ ไม่ต้องเล่า..........กูก็เจอเหมือนกันว่ะ  ” เอกพูดเบรคยศ
    และทั้งคู่ก็ต่างคนต่างเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กันและกันฟัง  ทั้ง2จึงตกลงกันว่า เมื่อสอบเสร็จในวันพรุ่งนี้ จะยืมรถมอเตอร์ไซค์ของศักดิ์ดาเพื่อนที่วิทยาลัยเพื่อไปยังสถานที่  ที่พวกเขาพบกับหญิงสาวหัวขาดอีกครั้ง
     
     
          และแล้วก็ถึงวันสอบวันสุดท้าย  เพราะเป็นวันสุดท้าย  นักศึกษาที่เป็นเด็กต่างจังหวัดก็จะเก็บกระเป๋าเตรียมมาที่วิทยาลัย  พร้อมที่จะไปขึ้นรถบัสกลับบ้านที่ต่างจังหวัด  ส่วนพวกเด็กในพื้นที่ก็นัดหมายกันกินเหล้าเพื่อฉลอง  หลังจากการสอบที่แสนจะเคร่งเครียดผ่านพ้นไป 
          แต่กับคู่หูยศกับเอก  เขาทั้ง2แทบจะไม่มีสมาธิในการสอบเลย  ใจมัวแต่จดจ่อถึงแต่เรื่องที่พวกเขาได้ประสบมาเมื่อคืน  และหลังจากสอบเสร็จพวกเขาจะรีบไปพิสูจน์หาความจริง  และแล้วการสอบก็ค่อยๆดำเนินไปจนถึงวิชาสุดท้าย  เป็นเวลาบ่าย2โมงครึ่งพอดี  ฟ้าเริ่มมืดครึ้มอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเหมือนพายุใหญ่กำลังจะมา  ท้องฟ้าในยามนี้ช่างดำมืดและน่ากลัว  ทั้งๆที่เป็นฤดูร้อนอยู่แท้ๆแต่แล้ว  จู่ฝนก็เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว  นักศึกษาที่ทำข้อสอบกันอยู่เกิดอาการเซ็งกันสุดขีดโปรแกรมที่วางกันไว้ต้องล้มแน่ๆ    แต่ห่าฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่งก็หยุดไปเฉยๆ  ฝนกระหน่ำตกลงมาเพียง10นาทีเท่านั้น  หลายคนกู่ร้องอย่างดีใจทั้งๆที่ยังทำข้อสอบอยู่แท้ๆ  แต่ฟ้าก็ยังคงมืดครึ้มอยู่   บรรยากาศขมุกขมัวมาก 
    และแล้วนักศึกษาก็ค่อยๆทยอยสอบเสร็จ  รวมทั้งเอกและยศ  เอกเดินไปทีโรงจอดรถเขาสตาร์ทเครื่องมอเตอร์ไซค์  บิดออกจากโรงจอดรถ  แล้วแวะรับยศเพื่อนรักที่รออยู่หน้าวิทยาลัย   วันนี้นักศึกษาไม่มีใครสนใจใครกันนัก  สนใจกันแต่กลุ่มของตนเอง  รีบร้อนออกจากวิทยาลัยเพื่อไปฉลองกันอย่างสนุกสนาน แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  นักศึกษาที่เหลืออยู่ที่วิทยาลัยไม่มากนัก 
    นักศึกษาคนหนึ่งขับรถมอเตอร์ไซค์ซ้อนเพื่อนออกจากวิทยาลัยเพื่อที่จะข้ามถนน   จู่เหมือนมีอะไรมาบังตาพวกเขา   พวกเขามองไม่เห็นรถพ่วง 18 ล้อที่แล่นมาด้วยความเร็วสูง   ทันทีที่พวกเขาแล่นขึ้นบนถนน   รถพ่วงชนเข้ากับมอเตอร์ไซค์อย่างแรง   เขาและเพื่อนที่นั่งซ้อนท้ายตายคาที่ทันทีรถยังคงลากศพของพวกเขาไปไกลหลายเมตร  หน้าของพวกเขาทั้ง 2 เละจนญาติคงจำหน้าไม่ได้แน่  เหลือเพียงแต่อักษรที่ปักไว้ที่หน้าอกเท่านั้นที่จะบอกว่าชื่ออะไร   มันปักไว้ว่า   “ ศักดิ์ดา.... 
              เอกและยศที่เดินทางออกมาก่อนหลายนาที   ที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้น  พวกเขายังคงไม่รู้เลยว่าเจ้าของมอเตอร์ไซค์ที่พวกเขายืมมา  ตอนนี้ไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว.....
    พวกเขายังคงมุ่งหน้าไปยังสถานที่   ที่พวกเขาได้พบหล่อน
     
                    “ ยศ......เดี๋ยวแวะปั๊มน้ำมันก่อนนะน้ำมันจะหมดว่ะ   เอกพูดขึ้นขณะที่เหลือบตาไปมองเกย์น้ำมันที่ตกลงจนถึงขีดแดง
                    “ เออ.....ก็ดีฉันก็ปวดฉี่เหมือนกัน   ยศตอบ
    และแล้วพวกเขาก็เดินทางมาถึงปั๊มเจ็ท  เอกรีบเลี้ยวเข้าปั๊มทันทีก่อนที่น้ำมันจะหมด
                    “ น้อง 91 เต็มถัง    เอกเปิดฝาถังน้ำมันพร้อมบอกเด็กปั๊ม
    ส่วนยศวิ่งเข้าห้องน้ำอย่าวรวดเร็ว   เมื่อเติมน้ำมันเสร็จทั้ง 2 แวะเข้าไปหาอะไรกินเพื่อรองท้อง  ทั้ง 2 นั่งกินจนอิ่ม  ยศล้วงไปที่กระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่  เขาหยิบกล้องบันทึก วีดีโอ ขึ้นมา  เขาเริ่มถ่ายไปรอบๆ  
                    “ ทำอะไรวะไอ้ยศ?   เอกถามขึ้น
                    “ ก็บันทึกเหตุการณ์ที่เราจะทำในคืนนี้ไง   ยศตอบ
                    “ เอาเหอะ....ทำอะไรก็ตามใจแก   เอกพูดพร้อมยกน้ำอัดลมขึ้นดื่ม
                    “ เรารีบไปกันเถอะอย่ามัวเล่นกันอยู่เลย ”   เอกพูดเพื่อเร่งเพื่อน
    ยศรีบกินเบอเกอร์และดื่มน้ำ  แต่ก็ยังไม่หยุดถ่ายวีดีโอ  ยศถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนก้าวไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์   ทั้ง 2 ออกจากปั๊มไปไม่ถึง 2 นาที  เด็กปั๊มคนที่เติมน้ำมันให้พวกเขา  ก็ถูกรถบรรทุกคันใหญ่ถอยหลังทับตายคาที่   หลายคนตะโกนลั่นแต่เหมือนคนขับรถบอกว่าได้ยินแล้ว  แต่ยกเท้าออกจากคันเร่งไม่ได้  ศพถูกทับจนกะโหลกแตกมันสมองกระจายน่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง
     
             ทั้ง 2 ยังคงขับมอเตอร์ไซค์ มุ่งหน้าต่อไปโดยที่หารู้ไม่ว่ามีสิ่งที่หน้าสะพรึงกลัวรอพวกเขาอยู่ข้างหน้า 
             ในที่สุดพวกเขาก็มาถึง  มันเป็นเวลาพลบค่ำแล้วท้องฟ้ามืดสนิท  ท้องฟ้าในยามนี้ไม่มีแม้แต่แสงดาว ทั้ง 2 จอดมอเตอร์ไซค์เข้าข้างทาง  เอกหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบเพื่อคลายเครียด   ยศยังคงถ่ายวีดีโอต่อไป   ทั้ง 2 นั่งรออยู่พักใหญ่
             และแล้วเวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงตีหนึ่ง  ทั้ง 2 เหมือนตกอยู่ในภวังค์  ไฟข้างทางเริ่มกระพริบ  ลมเริ่มพัดแรงขึ้น  อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  ทันใดนั้นเอง  ทั้ง 2 ก็ต้องตกตลึง  สิ่งที่พวกเขารอคอย  ได้มาปรากฏต่อหน้าพวกเขาทั้ง 2 แล้ว   ถึงจะได้พบเจอกับหล่อนถึง 2 ครั้ง 2 คราแล้วก็ตาม  แต่ทั้ง 2 ก็ยังไม่สามารถทำใจให้ชินกับความกลัวได้  ทั้ง 2 ตัวสั่นด้วยความกลัวตามเคยปากสั่นร้องไม่ออก
                    “ ช่วย.....ตาม......หา.......หัว.......ให้........ด้วย  เสียงยานคางและเย็นยะเยือกดังขึ้นภายในจิตใต้สำนึกของทั้ง 2
                    “ ละ....แล้ว.....ระ....เรา.....จะ.....ไปหา.....เจอ......ดะ......ได้......งะ......ไง.......ขะ......ขนาด....ตำรวจ......ยัง....หะ.....หา......มะ......ไม่......เจอ......เลย เอกตอบตะกุกตะกักแบบติดอ่างกลับไป
                    “ เธอ.....ปล่อย.......ตัว......ตาม......สบาย.......ทำ....จิต......ให้ว่าง.......แล้ว.......ฉัน.......จะ........สิง.......ร่าง........เธอ.......แล้ว.......พา.......พวก........เธอ.......ไป.......เอง   เสียงยานคางของหล่อนดังขึ้นอีกครั้ง
                    “ ตก....ลง ” เอกตอบกลับแล้วเริ่มถอนหายใจ  ปล่อยตัวตามสบายทันใดนั้นเอกก็มีความรู้สึกวูบเหมือนหมดสติไปทันที

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น